MUST KNOW

วิธีการดูปีกระเป๋า Louis Vuitton

แบบง่ายๆ ฉบับ 2P BRANDNAME


   ในการตัดสินใจซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมหนึ่งใบ นอกจากจะพิจารณาจากสภาพของกระเป๋าเป็นหลักแล้ว บางคนอาจจะพิจารณาจากอุปกรณ์ ว่ากระเป๋าใบนั้นมีอุปกรณ์ครบไหม มีอุปกรณ์อะไรมาด้วยบ้าง และนอกจากสภาพกระเป๋าและอุปกรณ์แล้วนั้น ปีที่ผลิตกระเป๋าก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อกระเป๋าอีกด้วย

  วันนี้ 2P BRANDNAME จะมาสอนวิธีดูปีกระเป๋า Louis Vuitton แบบง่ายๆ เห็นปุ๊ปรู้ได้ทันทีเลยว่ากระเป๋าใบนี้ปีไหน มาเริ่มกันเลย!!

 

  การอ่านปีของกระเป๋า Louis Vuitton นั้นสามารถอ่านได้จาก Date Code ของกระเป๋าใบนั้นๆ โดย Date Code ส่วนใหญ่จะปั๊มลงบนแผ่นหนังขนาดเล็กและเย็บติดกับช่องด้านในกระเป๋า หรือในกระเป๋าบางรุ่นที่มีซับในเป็นผ้า Date Code ก็จะถูกปั๊มลงไปบนตัวผ้าซับใน หรืออย่างพวกกระเป๋าสตางค์และเครื่องหนังชิ้นเล็กๆ Date Code ก็จะปั๊มลงไปบนตัววัสดุเลย หรืออาจจะอยู่ตามซอกหรือขอบของกระเป๋า

  วิธีการอ่านปีของกระเป๋า Louis Vuitton จะแบ่งออกเป็น 5 ช่วงใหญ่ๆดังนี้

  1.ช่วงก่อนปี ค.ศ. 1980

  ในช่วงยุคนี้ ตัวกระเป๋าจะยังไม่มี Date Code จะมีแค่ Brand Stamp

  2. ช่วงปี 1980-1989

  ในช่วงต้นๆของยุคนี้ Date Code จะมีแค่ตัวเลข 3-4 หลัก (ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วยเลข 8) และยังไม่มีตัวอักษร

  โดยตัวเลข 2 ตัวแรก หมายถึงปีที่ผลิต และตัวเลขตัวสุดท้าย (หรือสองตัวสุดท้ายในกรณีที่มีตัวเลข 4 หลัก) หมายถึงเดือนที่ผลิต

  ตัวอย่างวิธีการอ่านปี

Date Code: 823

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 1982 เดือน 3

  และตั้งแต่ในช่วงกลางของยุคนี้เป็นต้นมา Date Code จะเป็นตัวเลข 3-4 หลัก ตามด้วยตัวอักษร 2 ตัว

  โดยตัวเลข 2 ตัวแรก หมายถึงปีที่ผลิต และตัวเลขตัวสุดท้าย (หรือสองตัวสุดท้ายในกรณีที่มีตัวเลข 4 หลัก) หมายถึงเดือนที่ผลิต (เหมือนกับในช่วงต้น)

  ส่วนตัวอักษรจะหมายถึง ประเทศที่ผลิต (Location Code)

  ตัวอย่างวิธีการอ่าน

Date Code: 874 AH

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 1987 เดือน 4 ที่ประเทศฝรั่งเศส*

Date Code: VI 863

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 1986 เดือน 3 ที่ประเทศฝรั่งเศส

 *หมายเหตุ สามารถติดตามรหัสประเทศที่ผลิตสินค้าของ Louis Vuitton ได้ในบทความต่อไป

  3. ช่วงปี 1990-2006

  ในยุคนี้ Date Code จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว และตัวเลข 4 ตัว โดยตัวอักษรสองตัวหมายถึงประเทศที่ผลิต (Location Code) ส่วนตัวเลข ต้องแยกอ่านเป็นสองส่วน ดังนี้

เลขตัวที่ 1 และ 3 หมายถึง เดือนที่ผลิต

ส่วนเลขตัวที่ 2 และ 4 หมายถึง ปีที่ผลิต

  ตัวอย่างวิธีการอ่าน

Date Code: TH 0926

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 1996 เดือน 2


Date Code: CA 0072

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 2002 เดือน 7

  4.ช่วงปี 2007-2021

  ในช่วงยุคนี้ ได้เปลี่ยนจากการใช้ตัวเลขในการระบุเดือนที่ผลิต มาเป็นการใช้ตัวเลขระบุสัปดาห์ที่ผลิตแทน โดย Date Code จะยังเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัว และตัวเลข 4 ตัว เช่นเดิม แต่วิธีการอ่านตัวเลขจะเปลี่ยนไป โดยตัวอักษรสองตัวจะยังคงหมายถึงประเทศที่ผลิตเหมือนยุคก่อนหน้า แต่ตัวเลขมีวิธีการอ่านเปลี่ยนไป ดังนี้

เลขตัวที่ 1 และ 3 หมายถึง สัปดาห์ของปีที่ผลิต

ส่วนเลขตัวที่ 2 และ 4 หมายถึง ปีที่ผลิต

  ตัวอย่างวิธีการอ่าน

Date Code: CA 4220

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 2020 สัปดาห์ที่ 42

 

Date Code: CT 4138

กระเป๋าใบนี้ผลิตในปี 2018 สัปดาห์ที่ 43

 5. ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2021

  จะไม่มีป้ายหรือเลข Date code ติดไว้กับตัวกระเป๋า จะเป็นการฝัง Microchip (RFID Chip) แทน ซึ่งสามารถสแกนอ่านได้จากแอพ แต่จะไม่สามารถทราบปีผลิตได้ ยกเว้นจะดูจากใบเสร็จ

ในชิพจะระบุข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้

  • สถานที่ ที่กระเป๋าถูกผลิต (ประเทศและโรงงานผลิต)
  • คำอธิบาย (Description) เฉพาะของกระเป๋า เช่น รุ่น หรือขนาดต่าง ๆ
  • รหัสของกระเป๋า (Style Code)
  • วันที่กระเป๋าถูกจำหน่าย
  • รายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้าที่ซื้อกระเป๋าไป (customer details)
  • ร้านค้า / Website ที่กระเป๋าถูกจำหน่ายออกไป รวมทั้งชื่อของพนักงานผู้เป็นคนขายกระเป๋าใบนั้น ๆ

  อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว 2P BRANDNAME ก็หวังว่าทุกๆท่านคงจะดูปีกระเป๋า Louis Vuitton กันเป็นแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น รหัส Date Code ไม่ใช่รหัสเฉพาะของกระเป๋าแต่ละใบ แต่เป็นเพียงรหัสที่ระบุว่ากระเป๋าใบนั้นผลิตที่ไหนและผลิตเมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า รหัส Date Code บนกระเป๋า Louis Vuitton สามารถซ้ำกันได้ หากกระเป๋าเหล่านั้นผลิตด้วยช่างฝีมือของ Louis Vuitton ในเวลาและสถานที่เดียวกัน


Related Blog
  • เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

    เราขออนุญาตใช้คุกกี้ (cookie) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของท่านในการได้รับการเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ทั้งนี้ ท่านมั่นใจได้ว่า เราจะดูแล และรักษาความปลอดภัยข้อมูลของท่านเป็นอย่างดี ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ โดยคลิก การตั้งค่าคุกกี้ นโยบายคุกกี้